เมื่อมีการชันสูตรพลิกศพแล้ว ให้พนักงานสอบสวนและ พนักงานอัยการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพให้เสร็จ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งความ ขยายเวลาได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน (ต้องมีเหตุผลที่มีการขยายเวลา) 2. เมื่อได้รับสำนวนชันสูตรพลิกศพแล้ว ให้พนักงานอัยการทำคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลทำการไต่สวน และทำคำสั่งแสดงว่า • ผู้ตายคือใคร? • ตายที่ไหน? • ตายเมื่อใด? • เหตุและพฤติการณที่ตาย? ถ้าเสียชีวิตโดยมีคนทำร้าย ต้องรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสำนวน ขยายเวลาได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน (ต้องมีเหตุผลที่มีการขยายเวลา) 3. ในการไต่สวน ให้ศาลแจ้งกำหนดวันที่จะทำการไต่สวนไว้ที่ศาล และแจ้งวันนัดไต่สวนให้สามี ภริยา บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้แทน โดยชอบธรรม หรือญาติของผู้ตาย อย่างน้อย 1 คน ให้รู้ก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 15 วัน 4. ก่อนการไต่สวนเสร็จสิ้น สามี ภริยา บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือญาติของผู้ตาย มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้ามาซักถามพยาน นอกจากนี้ยังมีสิทธิแต่งตั้งทนายความดำเนินการแทนได้ 5. ศาลสามารถเรียกพยานมาสืบเพิ่มเติมได้ และยังขอให้ผู้เชียวชาญมาให้ความเห็นเพื่อประกอบการไต่สวนได้
"เหตุอย่างเดียวกัน" หมายถึง คำพิพากษา หรือคำสั่งที่ถึงที่สุดนั้นได้วินิจฉัยในเนื้อหาของเรื่องที่ฟ้องร้องกันโดยวินิจฉัยอย่างเดียวกับคดีก่อนที่ศาลได้วินิจฉัยมาและต้องเป็นส่วนของเนื้อหาด้วย ถ้าหากไม่ใช่ก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2349/2553 แม้จำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 291/2529 ของศาลชั้นต้น ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน และประเด็นพิพาทเป็นประเด็นเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้รับโอนสิทธิในที่ดินพิพาทมาจาก ส. โจทก์ในคดีก่อน แต่เป็นการฟ้องในฐานะเจ้าของคนก่อนซึ่งได้ขายที่พิพาทให้แก่ ส. กรณีจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ในคดีนี้เป็นผู้สืบสิทธิในที่พิพาทต่อจาก ส. โจทก์ในคดีก่อน โจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความเดียวกันกับคดีก่อน มีสิทธิฟ้องเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลยทั้งสองได้ ________________________________ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองไปเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น. ส.
Written by ทนายแมน on 4 March 2020. Posted in ประมวลกฎหมายอาญา. หาทนาย จ้างทนาย เกี่ยวกับ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน จะทำอย่างไร? มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต ป. อ. มาตรา 148
ฟ้องซ้ำตาม ป. วิ. แพ่ง มาตรา 148 การฟ้องซ้ำ มีหลักว่า คดีที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้ว คู่ความจะนำคดีเรื่องที่เคยพิพาทกันมาในคดีก่อนมาฟ้องกันใหม่อีกไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ แล้วคำว่า "ถึงที่สุด คืออะไร?
กรณีศาลได้วินิจฉัยใน ประเด็นแห่งคดี แต่ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ เพราะศาลมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีนั้นเอง ดังนั้นจึงนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ เช่นดังนี้. - 3. ศาลจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้อง ( ฏ. 1740/2520) 3. ยกฟ้องเพราะเหตุฟ้องคดีเคลือบคลุม ( ฏ. 155/2523) 3. ยกฟ้องเพราะฟ้องโจทก์บกพร่อง ( ฏ. 2522/2523) 3. 4. ยกฟ้องเพราะขณะยื่นฟ้องไม่มีอำนาจฟ้อง ( ฏ. 666/2530) 3. 5. กรณีโจทก์ถอนฟ้อง ( ฏ. 268/2489) 4. ข้อยกเว้นตามกฎหมายที่ไม่ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ มีดังนี้. - 4. การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล - กรณีบังคับคดีไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอบังคับเอากับทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้อีก - กรณีโต้แย้งว่าการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย 4. คำพิพากษาหรือคำสั่งกำหนดวิธีการชั่วคราว ที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตามพฤติการณ์ - การกำหนดวิธีชั่วคราว คือกำหนดการบังคับคดีเอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว เช่น ค่าอุปการะเลี้ยงดู 4. ศาลพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องใหม่ภายในอายุความ - ได้แก่ ศาลยกฟ้องเพราะผู้ร้องจัดการมรดกยังไม่สามารถจะแบ่งทรัพย์กันๆได้ในชั้นนี้ ศาลชอบที่จะอนุญาตไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งเดิมว่าไม่ตัดสิทธิที่จะนำคดีมา ฟ้องใหม่ - การพิพากษาให้นำคดีมาฟ้องใหม่ได้ตาม ม.
Written by ทนายแมน on 4 March 2020. Posted in ประมวลกฎหมายอาญา. หาทนาย จ้างทนาย เกี่ยวกับ ผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน จะทำอย่างไร? มาตรา 145 ผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าพนักงานผู้ใดได้รับคำสั่งมิให้ปฏิบัติการตามตำแหน่งหน้าที่ต่อไปแล้ว ยังฝ่าฝืนกระทำการใด ๆ ในตำแหน่งหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคแรกดุจกัน ป. อ. มาตรา 145
ฟ้องซ้ำ (มาตรา 148) หลัก 1. คดีที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้ว คู่ความจะนำคดีเรื่องที่เคยพิพาทกันมาในคดีก่อนมาฟ้องกันใหม่อีกไม่ได้ (เป็นฟ้องซ้ำ) 1. 1. คำว่า ถึงที่สุด คือ 1. เมื่อได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นที่สุด 1. 2. เมื่อพ้นระยะอุทธรณ์หรือฏีกา หรือขอให้พิจารณาคดีใหม่ 1. คำ พิพากษาที่ถึงที่สุด โดยไม่ต้องคำนึงว่าคดีใดยื่นฟ้องก่อนหลัง เพราะหลักของการฟ้องซ้ำ มิได้ถือเวลาที่ยื่นฟ้องเป็นสำคัญ แต่ถือคดีถึงที่สุดเมื่อใด 2. ฟ้องซ้ำต้องเป็นคู่ความเดียวกันจึงจะต้องห้าม 2. คู่ความเดียวกัน แม้คดีก่อนเป็นโจทก์ แต่คดีใหม่กลับมาเป็นจำเลยก็ถือว่าเป็นคู่ความเดียวกัน 2. คู่ความเดียวกัน รวมถึงผู้สืบสิทธิจากคู่ความเดิม เช่นสามีภริยา เจ้าของกรรมสิทธิ์รวม ผู้รับโอนทรัพย์ 2. 3. แม้ เป็นคู่ความเดิมแต่เข้ามาคนละฐานะ ก็ไม่อยู่ในความหมายของคำว่าคู่ความเดิม เช่น คดีก่อนฟ้องคดีในฐานะส่วนตัว คดีใหม่ฟ้องคดีในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม เช่นนี้ไม่ถือเป็นคู่ความเดียวกัน 3. ได้นำคดีมาฟ้องร้องกันใหม่ในประเด็นเดียวกัน ได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน 3. เหตุ อย่างเดียวกัน หมายถึง คำพิพากษา หรือคำสั่งที่ถึงที่สุดนั้นได้วินิจฉัยในเนื้อหาของเรื่องที่ฟ้องร้องกันโดย วินิจฉัยอย่างเดียวกับคดีก่อนที่ศาลได้วินิจฉัยมาและต้องเป็นส่วนของเนื้อหา ด้วย (หากไม่ใช่ก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ) 3.
อ. มาตรา 148 และมาตรา 157 ไม่