หลายๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า "เล่นหุ้น" หรือ "รวยด้วยหุ้น" กันมาบ้าง จนหลายๆ ครั้ง เกิดความสงสัยว่า หุ้นคืออะไรกันแน่? หรือ ถ้าอยากจะเข้ามาเล่นหุ้นบ้าง ต้องเริ่มต้นยังไง? บทความนี้จะมาช่วยคลายข้อสงสัย ทำให้คนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับหุ้นเลย คนที่เป็นมือใหม่ หรือคนที่อาจจะเคยมีประสบการณ์ซื้อขายหุ้นมาบ้างแล้ว เข้าใจและเริ่มต้นลงทุนในหุ้นได้อย่างง่ายดาย 1. หุ้นคืออะไร?
"NAV เปรียบเสมือนมูลค่าทางบัญชี (Book Value)" หากจะให้เข้าใจง่าย ๆ อีกแบบผ่านศัพท์ของนักขุดงบการเงินเวลาประเมินธุรกิจ NAV ก็เปรียบเสมือน มูลค่าทางบัญชี (Book Value) โดย NAV นั้นมีมูลค่าเทียบเท่าหรือใกล้เคียงมาก ๆ กับ Book Value เลยทีเดียว จะรู้ราคา NAV เมื่อไหร่?
8 พ. ค. 2017 เวลาเราทำสอบ อยากเห็นคนสอบได้ที่ 1 ตอบว่าอะไรบ้างไหม? ถึงแม้เราจะไม่ลอกเขาทั้งหมด เอามาเช็คกับคำตอบของเราก็ยังดี จริงๆแล้วสิ่งนี้ทำได้แบบถูกกฎหมายในเรื่องการซื้อหุ้น ถึงข้อมูลอาจจะดีเลย์ แต่ก็อาจได้แนวคิดมาบ้าง ผมได้รวบรวมพอร์ตของนักลงทุนชื่อดัง 16 ท่าน (ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ) จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 5/5/2017 แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าข้อมูลอาจจะไม่อัพเดทเพราะ วันที่ปิดสมุดบัญชีของหุ้นส่วนใหญ่จะประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ดังนั้นหุ้นพวกนี้อาจจะถูกขายไปแล้วก็ได้ และบางท่านอาจจะมีถือหุ้นตัวอื่นอีก แต่ไม่ถึง 0.
**อ่านแบบมีรูปภาพที่ด้านล่าง** NAV คือ อะไร? NAV ย่อมาจาก Net Asset Value หรืออธิบายง่ายๆก็คือ ทรัพย์สินสุทธิ ทั้งหมดที่กองทุนนั้นมี ทรัพย์สินสุทธิทั้งหมดที่กองทุนนั้นมี ผ่านการนำมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่กองทุนนั้น ๆ มีอยู่ลบกับหนี้สินทั้งหมด หรือเขียนให้อ่านง่าย ๆ ว่า ทรัพย์สิน (Assets) – หนี้สิน (Liabilities) โดยปกติแล้ว NAV จะใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการกองทุนรวมหรือ ETF และมีสูตรคำนวณดังนี้ (มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + ผลตอบแทนสะสม และเงินสด) – ค่าใช้จ่าย และ หนี้สินของกองทุนรวม = มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV)" แล้ว NAV ต่อหน่วย คืออะไร? สิ่งที่เราควรสนใจก็คือ "NAV ต่อหน่วย" เพราะเอาไว้คิดคำนวณตอนเราจะซื้อขายกองทุน มีสูตรคำนวณดังนี้ มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV ต่อหน่วย) = มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) / จำนวนหน่วยลงทุน ยกตัวอย่าง "สมมุติมีเงิน 1, 000 บาท แล้วราคาหน่วยลงทุนขายหน่วยละ 10 บาท หมายความว่าเราจะซื้อหน่วยลงทุนนั้นได้ 100 หน่วย" สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1, 000 กอง จาก 19 บลจ. สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: NAV เปรียบเสมือนกับอะไร?
ตารางด้านบนเป็นการศึกษาเรื่อง Rebalancing ของ Vanguard โดยใช้ข้อมูลตั้งแต่ปี 1926 จนถึงปี 2014 เปรียบเทียบระหว่าง พอร์ตการลงทุนที่ Rebalancing ทุกๆปี และพอร์ตที่ไม่มีการ Rebalancing เลย โดยเริ่มต้นพอร์ตการลงทุนที่ 50% หุ้น และ 50% ตราสารหนี้เท่ากัน (ใช้ Global Equity และ Global Bond) จะเห็นว่า มีบางช่วงที่พอร์ตที่ไม่มีการ Rebalancing เลยมีน้ำหนักสูงถึง 97% ของพอร์ตโดยรวม ในขณะที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ พอร์ตการลงทุนที่ Rebalancing ทุกๆปี คือ 8. 9%ต่อปี และ 8. 1% ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือบรรทัดสุดท้ายของตาราง นั่นคือ ความเสี่ยงในแต่ละปี พอร์ตการลงทุนที่ Rebalancing ทุกๆปี มีความผันผวนอยู่ที่ 9. 9% และพอร์ตที่ไม่มีการ Rebalancing มีความผันผวนที่ 13.
พอร์ตหุ้น คืออะไร? (Portfolio) - GreedisGoods GreedisGoods มีการเก็บ Cookies เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น หากท่านใช้เว็บไซต์ต่อไปโดยไม่ปรับตั้งค่าเราเข้าใจว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้ ยินยอม ดูรายละเอียด
ลงทุนหุ้นแบบ "Block Trade" (Single Stock Futures) "Block Trade" เป็นการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ประเภท Single Stock Futures (SSF) ที่อ้างอิงหุ้นใน SET50 และ SET100 เป็นวิธีการเพิ่มอำนาจซื้อให้กับผู้ลงทุนหุ้นที่มี Leverage ระดับ 10 – 20 เท่าของมูลค่าเงินลงทุน เช่น ถ้าต้องการซื้อหุ้น A ราคา 100 บาทต่อหุ้น จำนวน 10, 000 หุ้น ปกติต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด 1, 000, 000 บาท แต่หากลงทุนผ่าน Block trade ก็แค่สั่งซื้อ SSF ที่อ้างอิงหุ้น A โดยวางเงินประกัน "แค่หลักแสนบาท" ตามที่ TFEX กำหนด ซึ่งหุ้นอ้างอิงแต่ละบริษัทจะวางเงินประกันไม่เท่ากัน สามารถเข้าไปดูได้ที่ 3. ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ "Derivative Warrant" (DW) "Derivative Warrant" ที่นักลงทุนเรียกกันสั้นๆ ว่า " DW" ซึ่งเป็นการลงทุนอีกรูปแบบที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะ ซื้อ-ขาย ได้ง่ายผ่านกระดานซื้อหุ้นปกติ และมีอัตรา Leverage อยู่ที่ประมาณ 3 -10 เท่า จะมีความคล้ายกันกับ การลงทุนแบบ Single Stock Futures (SSF) ที่เป็นการกู้ยืมผ่าน Market Maker เหมือนกัน แต่ DW จะเสี่ยงน้อยกว่า เพราะถ้าเกิดลงทุนผิดทาง Market Maker จะขายหุ้นออกให้เราเอง ซึ่งจำกัดการขาดทุนไว้ที่เงินต้นของเรานั่นเอง การลงทุนหุ้นแบบ "Leverage" ช่วยนักลงทุนยังไง?