6 สายนักลงทุนกองทุนรวม นักลงทุนกองทุนรวม ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก๋า ต่างคนต่างก็มีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกันไป บางคนค้นพบลักษณะการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับตนเอง ขณะที่บางคนแม้จะลงทุนมาซักพัก แต่ก็ยังไม่เจอสไตล์การลงทุนของตนเอง ทำให้การลงทุนบางครั้งกินก็ไม่ได้ นอนไม่หลับ ก่อนจะเริ่มลงทุน ผู้ลงทุนต้องรู้จักตัวเองเสียก่อนว่า เรามีลักษณะนิสัยในการลงทุนอย่างไร แบบไหนที่เราสบายใจ วันนี้ K-Expert จะมาแนะนำ 6 พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนแต่ละสาย และกองทุนที่แนะนำให้นักลงทุนได้ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมในครั้งต่อไป 1.
1% จากปี 2563 ลดลงถึง -8. 6% ถือว่าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้ ผลตอบแทนปรับตัวขึ้นแรงเมื่อเทียบกับการลงทุนต่างประเทศ เป็นรองแค่น้ำมันเท่านั้น สำหรับแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนต่างประเทศที่เติบโตโดดเด่น 3 อันดับแรกยังน่าลงทุนต่อหรือไม่นั้น นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ. )
หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย)
64% การแพทย์ 13. 31% บริการด้านการสื่อสาร 10. 24% สินทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุน Alphabet Inc 3. 9% Microsolf Crop 3. 8% Inc 3. 3% Facebook Inc 2. 3% UnitedHealth Group 2. 0% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน: 9. 70% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 24. 77% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี: 15. 26% (อัปเดตข้อมูลผลตอบแทน วันที่ 5 สิงหาคม 2564) ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ: 1 บาท ลงทุนครั้งต่อไปขั้นต่ำ: 1 บาท ข้อมูลจาก หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ อัปเดต ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 2. กองทุน MEURO กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี คอนติเนนทัล ยูโรเปียน อิควิตี้ เน้นการลงทุนในยุโรป ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตได้ กลยุทธ์การบริหารกองทุน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี คอนติเนนทัล ยูโรเปียน อิควิตี้ มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก ส่วนกองทุน BGF Continental European Flexible Fund (กองทุนหลัก) มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (active management) ระดับความเสี่ยง: ระดับ 6 - กองทุนรวมตราสารทุน 5 ประเภทอุตสาหกรรมหลักที่ลงทุน เทคโนโลยี 23. 68% อุตสาหกรรม 21. 26% สินค้าฟุ่มเฟือย/ตามวัฏจักร 20. 16% การแพทย์ 12. 70% วัสดุทั่วไป 8. 39% 5 หุ้นที่กองทุนหลักลงทุน ASML HOLDING NV 5.
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย … Facebook | Line | Youtube | Instagram รู้มั้ยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนส. ค. นี้ ผลตอบแทนของการลงทุนทองคำอยู่ที่ +18% แล้ว ดีกว่า S&P 500 ที่ผลตอบแทน +14. 3% ขณะที่ World Gold Council รายงานโครงสร้างตลาดทองคำไตรมาส 2 ปีนี้ ว่า ยังเป็นช่วงที่มีกำลังการผลิต (อุปทาน) ส่วนเกินเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นภาวะปกติที่จะมีเศษทองเก่าออกมาหมุนเวียนในตลาดช่วงที่ราคาทองคำเป็นขาขึ้น โดยความต้องการทองคำ (อุปสงค์) ไตรมาส 2 อยู่ที่ 1, 146 ตัน เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าที่เพิ่มขึ้นมาก คือ ความต้องการเพื่อลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ (Gold ETF) คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความต้องการเพื่อการลงทุนที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะกองทุนประเภท ETF สะท้อนว่า นักลงทุนกำลังหันมาใช้ทองคำเพื่อจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนและเก็งกำไรมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ถือว่าดีกว่าปี 2553 – 2555 ที่เป็นช่วงขาขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งมีแรงซื้อผ่าน ETF เฉลี่ยเพียงปีละ 323 ตัน ส่วนกองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำประเภท ETF ขนาดใหญ่สุดในโลก ซื้อทองคำเพิ่มในปีนี้ 15.